ธนาคารให้กู้ได้นานตั้งแต่ 10-15-20-25-30 ปี ควรจะกู้นานที่สุดดีหรือไม่ ?
เมื่อผู้ซื้อบ้านคิดจะกู้เงิน มักคิดตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่าจะกู้นานกี่ปีดี จะกู้สั้นหรือจะกู้ยาวดีกว่า โดยหลักแล้วควรจะถือตาม พุทธสุภาษิตว่า "การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ" เพราะการเป็นหนี้หมายถึงการมีภาระผูกพันต้องจ่ายคืนหนี้และต้องจ่ายดอกเบี้ย ให้กับผู้ให้กู้
ดังนั้น หากผู้กู้มีความสามารถที่จะชำระคืนเงินกู้ได้เร็วที่สุด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะจะทำให้ผู้กู้เป็นอิสระ หลุดพ้นจากความเป็นหนี้เร็วขึ้น และจะเป็นเจ้าของบ้านที่มีความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ผู้กู้บางท่านที่ต้องการวงเงินกู้ค่อนข้างสูง ในขณะที่ความสามารถในการผ่อนชำระค่อนข้างต่ำ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องขยายเวลากู้ออกไปให้นานที่สุด เป็น 25-30 ปี เพื่อที่จะให้เงินงวดลดลงจนถึงจุดที่สามารถผ่อนชำระได้
ทั้งนี้ เพราะในวงเงินกู้เท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน ยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้น เงินงวดก็จะยิ่งลดลง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 1,000,000 บาท ระยะเวลากู้ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 8% ต่อปี ค่าผ่อนชำระเงินงวด ดังนี้
ดังนั้น หากผู้กู้มีความสามารถที่จะชำระคืนเงินกู้ได้เร็วที่สุด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะจะทำให้ผู้กู้เป็นอิสระ หลุดพ้นจากความเป็นหนี้เร็วขึ้น และจะเป็นเจ้าของบ้านที่มีความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ผู้กู้บางท่านที่ต้องการวงเงินกู้ค่อนข้างสูง ในขณะที่ความสามารถในการผ่อนชำระค่อนข้างต่ำ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องขยายเวลากู้ออกไปให้นานที่สุด เป็น 25-30 ปี เพื่อที่จะให้เงินงวดลดลงจนถึงจุดที่สามารถผ่อนชำระได้
ทั้งนี้ เพราะในวงเงินกู้เท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน ยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้น เงินงวดก็จะยิ่งลดลง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 1,000,000 บาท ระยะเวลากู้ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 8% ต่อปี ค่าผ่อนชำระเงินงวด ดังนี้
จำนวนปี
|
10 ปี
|
15 ปี
|
20 ปี
|
25 ปี
|
30 ปี
|
เงินงวด(บาท)
|
12,132
|
9,556
|
8,364
|
7,718
|
7,337
|
เงินงวด ลดลง เทียบกับกู้
|
0
|
2,576
|
3,768
|
4,414
|
4,795
|
ลดลง หากกู้ยาวขึ้นอีก 5 ปี
|
0
|
2,576
|
1,192
|
646
|
381
|
อนึ่ง สำหรับผู้ที่ปัจจุบันมีกำลังจะผ่อนเงินงวดได้ในระยะเวลา 15 ปี หรือ 20 ปี แต่หากเล็งเห็นว่า ในอนาคตอันใกล้ตนเองอาจมีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวสูงขึ้น เช่น อาจมีบุตรเพิ่มขึ้น เป็นต้น อาจจะทำให้การเงินฝืดเคืองหรือมีปัญหาการผ่อนชำระได้ หากรู้สึกเช่นนี้ เพื่อความสบายใจ และปลอดภัยไว้ก่อน จึงอาจขยายระยะเวลาการกู้ออกไปให้นานที่สุดคือเป็น 25 - 30 ปี ก็ได้ เพื่อจะได้ผ่อนเงินงวดให้น้อยที่สุดก่อน และหากต่อมาในภายหลัง ตนเองและครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถอนชำระเงินงวดเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้เดิมก็ได้ เช่น แทนที่จะผ่อนเดือนละ 7,718 บาท ก็อาจจะผ่อนเดือนละ 10,000 บาท หรือมากกว่าก็ได้ ซึ่งจะทำให้หนี้เงินกู้หมดเร็วขึ้น ดังนั้น เงินกู้ตามสัญญาเดิม 25 ปี ก็อาจจะผ่อนหมดในเวลาสั้นลง เช่นเหลือเพียงประมาณ 10 ปี เท่านั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ผู้กู้ส่วนใหญ่จะนิยมกู้ระยะเวลา 15-20 ปี มีผู้ที่กู้นาน 25 - 30 ปี จำนวนไม่มากนัก ทั้งนี้ อาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่า กู้ 25 ปี กับ 30 ปี ค่าผ่อนชำระต่างกันไม่มากนัก ดังตัวอย่างข้างต้น เงินกู้ 1 ล้านบาท ห่างกันเพียงเดือนละ 381 บาท หากกู้เงิน 500,000 บาท ห่างกันเพียงเดือนละ 150 บาท อนึ่ง การกู้ได้นานสูงสุดกี่ปีนั้น ยังขึ้นกับอายุของผู้กู้ด้วย เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดว่า อายุของผู้กู้ เมื่อรวมกับระยะเวลากู้ ต้องไม่เกิน 70 ปี ด้วย เช่น ถ้าผู้กู้อายุ 50 ปี จะสามารถกู้ได้ยาวที่สุดเพียง 70-50 = 20 ปี เท่านั้น โดยสรุป จะกู้สั้นหรือยาวดีกว่า ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้เป็นหลัก หากกู้ระยะเวลาสั้น ผู้กู้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมาก แต่ต้องจ่ายเงินงวดต่อเดือนสูง อย่างไรก็ตามหากผู้กู้มีรายได้น้อยในปีแรกๆ หรือต้องการผ่อนสบายๆ เมื่อมีรายได้มากขึ้น ก็ค่อยโปะภายหลังก็ได้ ดังนี้ ก็อาจขอกู้ระยะเวลานานไว้ก่อนก็ดีกว่า
ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์