เริ่มด้วย การจัดวางทิศทางของบ้านตามหลักการรับลมหลบแดด คือหันด้านยาวของบ้านในแนวทิศเหนือใต้ เพื่อหลบแสงตะวันที่จะทำให้พื้นที่ต่างๆด้านทิศตะวันตกและตะวันออกเกิดความร้อนเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้ลมพัดเข้าบ้านได้ดีในฤดูร้อน (ลมมาจากทางทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้) ลองหันมาสำรวจบ้านของคุณเองกันสักทีจะดีกว่า ว่าเราจะสามารถปรับปรุงบ้านของเราให้เย็นสบาย ด้วยวิธีธรรมชาติได้อย่างไรบ้าง
ไปส่วนหนึ่ง
- เครื่องปรับอากาศต้องมีขนาดเหมาะสมกับห้อง ไม่เล็กเกินไป เพราะจะทำให้การทำความเย็นไม่เพียงพอ ทำให้เรารู้สึกอบอ้าวและเครื่องทำงานหนัก เครื่องต้องไม่มีขนาดใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้เปลืองไฟฟ้า และห้องมีความเย็นมากเกินไปอาจเป็นหวัดได้
- ห้องที่ปรับอากาศควรปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความเย็นไม่ให้รั่วไหลออกมาภายนอกซึ่งจะทำให้เครื่องทำงานหนัก ควรปรับการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง ด้วยการใช้เครื่องปรับอากาศที่มีบานเกล็ดปรับกระจายลมได้หลายทิศทางซึ่งจะหมุนเวียนอากาศอยู่ตลอดเวลา
- หมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในส่วนของแผงกรองฝุ่นเพื่ออนามัยที่ดีของทุกคน
ดี ส่วนทิศเหนือควรปลูกไม้พุ่มเตี้ยเพื่อจะได้ไม่บังลม และสร้างความร่มรื่น ต้นไม้ที่มีใบเล็กละเอียดสามารถกรองซับความจ้าของแสงและสะท้อนความร้อนไปได้ส่วนหนึ่ง เช่น ต้นแก้ว ต้นเข็ม เป็นต้น และยังใช้เป็นไม้ประดับสวนได้ดีอีกด้วย
ดังนั้น ในฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดเมื่อเราสร้างบ้านด้วยผนังที่มีความหนามาก ผนังจะบรรจุความร้อนไว้เป็นจำนวนมากในเวลากลางวัน และทำให้เกิดความร้อนอ้าวในเวลากลางคืน (เพราะผนังหนาๆ นั้นคายความร้อนออกมาสู่อากาศที่เย็นกว่าในเวลากลางคืน) เราจึงรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว ปัญหาของผนังหนาแบบนี้ เราสามารถป้องกันได้ โดยสร้างร่มเงากับผนังให้มากที่สุด ทั้งโดยการปลูกต้นไม้ และโดยการสร้างอุปกรณ์บังแดด
เทคนิคที่กล่าวถึงเหล่านี้ก็เป็นที่นิยมใช้สำหรับภูมิอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา และเพื่อให้เราประหยัดค่าไฟฟ้ามากที่สุดก็ควรจะทำให้ผนังบ้านของเราอยู่ในร่ม และไม่เปียกฝน หรือชื้น เพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศลง และสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ดีให้กับโลกค่ะ...
แหล่งที่มา homedd