แบ่งชนิดของหลังคา


 การจำแนกชนิดของหลังคา
            กวี หวังนิเวศน์กุล,  2552 (191-192) ได้แบ่งชนิดของหลังคาในปัจจุบันนี้เป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
   1  หลังคาทรงเพิงแหงน (Shed  Roof/Lean-to Roof)  หลังคาเพิงหมาแหงน คือ เป็นหลังคาที่ยกให้อีกด้านสูงกว่าอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้ เหมาะสมสำหรับบ้านขนาดเล็ก เนื่องจากก่อสร้างง่าย รวดเร็ว ราคาประหยัด แต่ต้องระวังควรให้หลังคามีองศาความลาดเอียงมากพอ ที่จะระบายน้ำฝนออกได้ทันไม่ไหลย้อนซึมกลับเข้ามาได้
เป็นลักษณะของหลังคาที่มีมุมเอียงลาดไปทางด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว หลังคาทรงลักษณะนี้จะเป็นแบบที่เรียบง่าย ก่อสร้างกันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เช่น เพิงในทุ่งนา  เพิงขายของริมทาง เพิงศาลรถรับจ้าง เป็นต้น ซึ่งเพิงต่าง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นลักษณะของเพิงแบบชั่วคราว มีการก่อสร้างแบบง่าย ๆ และรื้อถอนได้ง่ายต่อมาก็พัฒนามาใช้ในตัวอาคารและก่อสร้างให้มั่นคงมากขึ้น เช่น หลังคาของอาคารส่วนห้องครัวหรือห้องคนรับใช้ที่อยู่ส่วนท้ายบ้าน หลังคาเพิงสำหรับโรงจอดรถ  หลังคาเพิงของตึแถว /ทาวน์เฮาส์ และหลังคาเพิงของโกดัง/โรงงาน เป็นต้น
หลังคาเพิงหมาแหงน มักจะนิยมใช้กับบ้านหลังเล็ก ๆ น่ะนะคะ เพราะสร้างง่าย ประหยัด หรืออาจจะใช้กับอาคารประเภทอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็ก มีน้อยห้อง เช่น โรงจอดรถ โรงครัว ที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลังคาแบบนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันน่ะนะคะ (บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นก็เริ่มนิยมหลังคาแบบนี้) เพราะสร้างง่าย ได้รับประโยชน์สูง แลดูแปลกตา วัสดุที่นำมาใช้มุงหลังคาประเภทนี้นั้น ก็มีทั้งกระเบื้องลอน กระเบื้องแผ่นเรียบ โดยมีโครงสร้างที่เป็นไม้ หลังคาประเภทนี้กันฝนได้ดีทีเดียวค่ะ แต่จะต้องคอยดูแลไม่ให้กระเบื้องที่มุง แตกหรือชำรุด พราะฝนอาจจะไหลเข้าหรือซึมย้อนเข้ามาในบ้านหรือตัวอาคารได้
ข้อดีของหลังคาเพิงหมาแหงน เนื่องจากโครงสร้างหลังคาไม่สลับซับซ้อนเหมือนหลังคาประเภทอื่น ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายอย่างเลยน่ะนะคะ ตั้งแต่ประหยัดโครงสร้างอาคาร, หลังคาค่าแรงเวลา, โดยรวม ประหยัดเงินมากกว่าหลังคาประเภทอื่นค่ะ
ข้อเสียของหลังคาเพิงหมาแหงน บังแดดและฝนได้ทิศทางเดียว ควรระวังเรื่ององศาความลาดเอียงหลังคา เพื่อป้องกันการไหลย้อนซึมของฝนเข้าสู่ตัวอาคารด้วยนะคะ
  หลังคาทรงจั่ว (Gable  Roof) หรืออาจเรียกว่าทรงมะนิลา เป็นลักษณะของหลังคาที่มีส่วนเอียงลาดยื่นออกทั้งสองด้าน มีจั่วยกสูงอยู่ตรงกลาง  หลังคาทรงจั่วนี้พัฒนาต่อมาจากหลังคาทรงเพิงแหงน  เพื่อให้สามารถป้องกันแดดหรือฝนได้ดียิ่งขึ้น  หรือให้อาคารมีบริเวณกว้างขวางขึ้น  ถ้ายังคงใช้หลังคาเพิงแหงนก็จะต้องยกส่วนเอียงลาดสูงขึ้นมาก แต่ถ้าเลือกใช้ทรงจั่วก็จะทำให้ไม่ต้องยกส่วนเอียงลาดสูงจนเกินไป ยกเว้นหลังคาจั่วทรงไทยซึ่งมีการยกจั่วสูงมากเป็นพิเศษ  ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมไทยแต่โบราณที่ให้ประโยชน์ต่อการระบายความร้อนใต้หลังคาได้ดีมาก
3  หลังคาทรงปั้นหยา (Hip  Roof)  เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจากหลังคา เพื่อให้หลังคาสามารถป้องกันแดดหรือฝนได้รอบตัวอาคาร โดยมีส่วนเอียงลาดของหลังคาทั้งสี่ทิศทาง และสันของหลังคาทั้งสี่มุมกัน 45 องศาด้วย  การก่อสร้างหลังคาทรงปั้นหยานี้จะใช้ความพิถีพิถันและยากมากขึ้น และต้องใช้ปริมาณของกระเบื้องมุงหลังคามากกว่าปกติ  เพราะต้องเสียเศษจากการตัดกระเบื้องมุงหลังคาบริเวณสันมุมหลังคาทั้งสี่ด้านมากขึ้น หลังคาทรงปั้นหยาจะแบ่งได้อีก 2 ลักษณะ คือ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ทรงจัตุรมุข) และทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลักษณะหลังคาประเภทต่าง ๆ 
home page: http://baanthaidd.blogspot.com/
Tags:เรารับออกแบบบ,ออกแบบบ้าน, แบบบ้านชั้นเดียว, แบบแปลนบ้าน, บ้านออกแบบ, บ้าน แปลน, ฟรีแบบบ้าน, แบบบ้านสวย, แบบบ้านสองชั้น, บ้านราคา,เรารับออกแบบบ้าน, ขายแบบบ้าน, แบบต่างๆ สไตล์ต่างๆ หลากหลายแบบ, แบบบ้านสำเร็จ, แบบบ้านสวย, แบบบ้าน 2 ชั้น, แปลนบ้านชั้นเดียว, แบบบ้านชั้นเดียว, แบบบ้านไม้, แบบบ้านทรงไทย, แบบบ้านชั้นครึ่ง, แบบบ้านรีสอร์ท, บ้านและสวน, แบบบ้านฟรี, แบบบ้านราคาประหยัด, แบบบ้านราคาถูก, แบบบ้านประหยัดพลังงาน, แบบบ้านเรือนไทย, แบบบ้าน,แบบบ้านไม้ชั้นเดียว, แบบบ้าน2ชั้น, ออกแบบตกแต่งภายใน, อาคารพานิชย์, หรืออาคารต่างๆ,รับสร้างบ้าน, ตกแต่งภายใน, รับเหมาต่อเติม,ออกแบบโรงงาน,รื้อ บ้าน