ฮวงจุ้ย (กับการปลุกต้นไม้ประจำปีเกิด)


ต้นไม้ประจำปีเกิด

เกิดปีชวด
      มิ่งขวัญเสริมดวงอยู่ที่ต้นกล้วยและต้นมะพร้าว ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีฉลู
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นตาล ช่วยส่งเสริมให้ดีขึ้น ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีขาล
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นขนุนและต้นรัง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีเถาะ 
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นมะพร้าวและต้นงิ้ว ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะโรง 
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นกัลปพฤกษ์ และต้นงิ้ว ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะเส็ง
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่และต้นรัง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปี มะเมีย
      มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นต้นกล้วยและต้นตะเคียน ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะแม
     มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นปาริชาติ และต้นทองหลาง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีวอก
     มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีระกา
     มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีจอ
     มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นบัวบก และต้นสำโรง ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีกุน
     มิ่งขวัญอยู่ที่กอบัวหลวง และต้นบัวบก ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด

ที่มา : http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538709999&Ntype=47

ฮวงจุ้ยดีดีการเลือกสีบ้านมีผลให้รวยและอายุยืน

ก่อนอื่น เรามาเริ่มที่การเลือกสีสำหรับใช้ในทาผนังบ้านกันดีกว่า ตามหลักจิตวิทยาและทฤษฎีสีกล่าวว่าสีมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนเรา เนื่องจากสีมีผลทำให้ผนังของห้องเย็นลงหรืออบอุ่นขึ้นได้  
ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ย การเลือกใช้โทนสีให้ถูกต้อง ควรจะคำนึงถึงธาตุหรือวันเกิดของเจ้าของบ้านด้วย อย่างเช่นหากคุณเป็นคนธาตุน้ำ ควรเลือกใช้สีอ่อนในการทาผนังห้อง หรืออาจอ้างอิงจากฤดูกาลที่เกิดก็ได้ เช่น หากคุณเกิดในฤดูหนาว ควรเลือกใช้สีสว่างๆ อย่างสีชมพู หรือสีเขียวจัด กับห้องนอนของตน ในขณะที่คนเกิดในฤดูร้อน สีฟ้าอ่อนหรือสีตองอ่อน ดูจะเหมาะสมกว่า
 นอกจากนี้ สีต่างๆ ก็จะให้ความหมายที่เป็นมงคลแตกต่างกันออกไป เช่น
 - สีแดง คือสีอันเป็นมงคลในหมู่ชาวจีน และหมายถึงความร่าเริงในทางสากล
 - สีม่วง คือสีที่แสดงความรู้สึกเคารพนอบน้อม
 - สีเหลือง คือสีของดวงตะวัน หมายถึงความรุ่งเรืองและอายุยืน
 - สีเขียว คือสีของอารมณ์ริษยา และสีแห่งความสงบ-สดชื่น
 - สีขาว คือสีแห่งความหดหู่ในหมู่ชาวจีน แต่หมายถึงความบริสุทธิ์ในทางสากล
 :: ข้อควรระวังในการเลือกใช้สี ::
 คุณไม่ควรจะเลือกใช้สีใดสีหนึ่งล้วนๆ โดยไม่มีสีอื่นแทรกเลยแม้แต่น้อย อย่างเช่น คุณชอบสีขาว จึงทาผนังห้องทุกห้องเป็นสีขาว รวมทั้งใช้ผ้าม่านและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในโทนสีขาวหมด
 การรตกแต่งแบบนี้อาจส่งผลในภายหลังให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียและหมดความกระชุ่มกระชวยลง ทางที่ดีควรจะเบรกการใช้สีใดสีหนึ่งล้วนๆ ด้วยการเพิ่มสีสันอื่นๆ ลงไปบ้าง ทั้งนี้เพื่อสร้างความสดใจและส่งผลดีต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัยนั่นเอง
 ข้อมูลโดย Homepro

ฮวงจุ้ยดีดี เลือกทิศบ้าน


การเลือกทิศบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญในทางฮวงจุ้ย เพราะประตูบ้านเป็นช่องเปิดที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่กระแสอากาศภายนอกจะมาเกิดปฏิสัมพันธ์กับอากาศภายในบ้านได้มากที่สุด หากเราเลือกบ้านที่หันไปในทิศทางใดก็จะเท่ากับเราเลือกที่จะรับพลังงานในรูปแบบนั้นๆ ยิ่งถ้าเราเลือกรับพลังงานในทิศที่เป็นมงคลแล้ว ก็ยิ่งเป็นการเสริมโชคลาภให้กับเจ้าของบ้านด้วยนั่นเอง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับทิศในศาสตร์ฮวงจุ้ยกันก่อนดีกว่า ซึ่งมีทั้งหมด 8 ทิศด้วยกัน ได้แก่ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ โดยทิศต่างๆ นั้นจะประจุพลังงานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งทิศที่ต่างกันนั้นก็จะมีรูปแบบทางพลังงานที่ต่างกันด้วย
 1. บ้านที่หันหน้าทางทิศใต้ โดยเฉพาะหากเป็นประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรแล้ว โดยส่วนใหญ่พระอาทิตย์จะโคจรแบบอ้อมทางทิศใต้ ภาพรวมของทิศใต้นั้นจะเป็ศทิศทางที่ร้อนตลอดทั้งปี ในศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้นจึงถือว่าเป็นทิศทางที่มีพลังงานของ “ธาตุไฟ”
 2. บ้านที่หันหน้าทางทิศเหนือ ในทางกลับกันกับทิศใต้ ทิศเหนือเป็นทิศที่พระอาทิตย์แทบจะไม่โคจรอ้อม โดยเฉพาะประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร บ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือแทบจะไม่โดนแดดเลยตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นทิศทางที่มีพลังงานของ “ธาตุน้ำ”
 3. บ้านที่หันหน้าทางทิศตะวันออกจะพบกันแสงแดดของพระอาทิตย์ในตอนเช้า ซึ่งจะเป็นช่วงเดียวกับการที่ต้นไม้เริ่มผลิใบ เพื่อรับแสงแดดมาทำการสังเคราะห์แสง ถือว่าทิศนี้เป็นทิศสะสมพลังงานของ “ธาตุไม้”
 4. บ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก จะพบกับแสงแดดของพระอาทิตย์ในตอนบ่าย ถือว่าเป็นช่วงที่อากาศนั้นเริ่มจะเย็นแล้ว ถือว่าทิศตะวันตกนี้รับพลังงานของ “ธาตุทอง”
 5. ส่วนอีก 4 ทิศที่เหลือคือทิศที่เป็นทิศเฉียง จะมีวิธีคิดจะมีความซับซ้อนกว่า หากจำเป็นต้องเลือกบ้านในกลุ่มนี้ ควรได้รับการประเมินจากซินแสที่มีประสบการณ์
 6. การเลือกทิศบ้านที่ดีที่สุดนั้น ควรปรับให้กับดวงชะตาของเจ้าของบ้านจะดีมาก ตัวอย่างเช่นหากเจ้าของบ้านเป็นคนธาตุน้ำ แม้ว่าไฟจะถือว่าเป็นธาตุโชคลาภของคนธาตุน้ำ แต่น้ำน้อยไม่อาจดับไฟ กลับจะทำให้ไฟมีแต่คุกรุ่นขึ้นหรือเรียกว่าเป็นดวงที่อาจจะเสียหายเรื่องโชคลาภเงินทองนั่นเอง การเลือกทิศบ้านนั้น หากเลือกบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ ก็จะได้บ้านที่ประจุพลังงานของธาตุน้ำเข้าไป จะส่งผลให้ดวงชะตาของผู้ที่อยู่อาศัยดีขึ้นและสามารถจัดการกับอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ได้โชคลาภที่เพิ่มพูนมากขึ้นได้
 7. ถ้าพิจารณาตามหลักทิศทางธรรมชาติ ทิศที่ถือว่าดีและเป็นที่นิยมในการเลือกซื้อบ้านมากที่สุด มีอยู่ 2 ทิศด้วยกัน คือ บ้านที่หันหน้าไปทางทิศใต้ และบ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เนื่องจากบ้านที่หันทิศใต้ จะได้รับผลดีจากกระแสลมที่พัดเข้าบ้าน ซึ่งบ้านที่มีอากาศไหลเวียนดี ย่อมนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีด้วย นอกจากนี้ ในทางฮวงจุ้ย ยังถือเป็นทิศทางของทรัพย์หรือโชคลาภ ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศตะวันออก จะได้รับประโยชน์ในเรื่องของแสงแดด ตอนเช้าแสงส่องหน้าบ้านถือเป็นแดดดีไม่ร้อนเกินไป ส่วนตอนบ่าย หน้าบ้านจะร่ม สามารถทำกิจกรรมด้านหน้าตัวบ้านได้
 8. ในทางฮวงจุ้ย ทิศหลังบ้านถือเป็นทิศที่หนุนและส่งเสริมเจ้าของบ้านด้วยเช่นกัน หากหลังแน่นมั่นคงเสียอย่าง ก็ไม่มีทางที่จะล้มง่ายๆ ซึ่งทิศหลังบ้านที่เป็นมงคลสำหรับคนธาตุต่างๆ มีดังนี้ ธาตุน้ำ (ปีชวดและกุน) คือทิศตะวันตก, ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ, ธาตุไม้ (ปีชวดและเถาะ) ทิศมงคลคือทิศเหนือ, ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้, ธาตุไฟ (ปีมะเส็งและมะเมีย) ทิศมงคลคือทิศตะวันออก, ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้, ธาตุทอง (ปีวอกและปีระกา) ทิศมงคลคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ทิศตะวันตกเฉียงใต้, ทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สุดท้ายคนธาตุดิน (ปีฉลู, มะโรง, มะแมและจอ) ทิศมงคลคือทิศใต้, ทิศตะวันออกเฉียงแหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้
 ข้อมูลโดย Homepro